วันที่สามของการเที่ยวชมแม่ฮ่องสอน หากใครต้องการพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายที่ได้พบเจอมา แล้วรีเฟรชปอดให้เป็นสีเขียว ด้วยการสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอด ก็พลาดไม่ได้ที่จะไปเช็กอิน ณ ปางอุ๋ง หรือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” แลนด์มาร์กสุดโรแมนติกสถานที่หนึ่งของแม่ฮ่องสอน ที่หมู่นักท่องเที่ยวสาย
สีเขียวต้องมาลั่นชัตเตอร์เก็บภาพ...แสงของพระอาทิตย์แผดผ่านขุนเขาและทิวสนอันเขียวขจี หยอกเย้ากับไอหมอกจางๆ ในยามเช้า แล้วสาดแสงทอประกายระยิบระยับสะท้อนผืนน้ำ... นับว่าสวยงามดุจจิตรกรกำลังสร้างงานจิตรกรรรมอันล้ำค่า จนได้รับการขนานนามว่า “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย”
ปางอุ๋ง ในภาษาเหนือนั้นหมายถึง ที่ลุ่มน้ำขังอันเป็นแหล่งพำนักของคนที่ทำงานในป่า โดย “ปาง” หมายถึง ที่พักของคนที่ทำงานในป่า ส่วน “อุ๋ง” หมายถึง ที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่ มีน้ำขังเฉอะแฉะ ซึ่งหากมองจากพื้นที่ของปางอุ๋งแล้ว คำว่า “ปางอุ๋ง” นั้น ก็คงจะเป็นการเรียกชื่อจากลักษณะของพื้นที่ดังกล่าว โดยแต่เดิมนั้น พื้นที่นี้เป็นป่าที่เสื่อมโทรม มีการตัดไม้ทำลายป่า ทำไร่เลื่อนลอยและปลูกฝิ่น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินี จึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยในบริเวณนั้น แล้วพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพ ปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร
สร้างป่าเปียกเพื่อใช้เป็นแนวป้องกันไฟ รวมทั้งฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์ จนกลายเป็น “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 หรือ ปางอุ๋ง” เฉกเช่นทุกวันนี้ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาความอุดมสมูรณ์นี้ให้ยั่งยืนสืบไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินี จึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยในบริเวณนั้น แล้วพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพ ปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร
สร้างป่าเปียกเพื่อใช้เป็นแนวป้องกันไฟ รวมทั้งฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์ จนกลายเป็น “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 หรือ ปางอุ๋ง” เฉกเช่นทุกวันนี้ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาความอุดมสมูรณ์นี้ให้ยั่งยืนสืบไป
การเที่ยวชมความงดงามของธรรมชาติในปางอุ๋งนั้น นอกจากจะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ผสานกับความลงตัวของบรรยากาศโดยรอบแล้ว ยังสามารถนำเต็นท์มากางนอนฟินท้าลมหนาวตามแนวป่าสนได้
อีกด้วย ในยามเช้าก็ไปล่องแพไม้ไผ่ ปล่อยอารมณ์แล้วมาชมทัศนียภาพโดยรอบของอ่างเก็บน้ำ ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ปล่อยกาย ปล่อยใจ ให้สัมผัสกับความเย็นสบาย ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าให้
ล่องลอยไปในสายน้ำ แล้วเก็บตวงความสุขนี้ไว้
เติมเต็มใจที่อ่อนล้า กายที่อ่อนเพลีย ให้มีพลังยิ้มรับ
สิ่งใหม่ๆ เสมือนแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ที่สาดแสงส่องลงมาให้โลกที่มืดมนกลับมามีความหวังอีกครั้ง
อีกด้วย ในยามเช้าก็ไปล่องแพไม้ไผ่ ปล่อยอารมณ์แล้วมาชมทัศนียภาพโดยรอบของอ่างเก็บน้ำ ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ปล่อยกาย ปล่อยใจ ให้สัมผัสกับความเย็นสบาย ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าให้
ล่องลอยไปในสายน้ำ แล้วเก็บตวงความสุขนี้ไว้
เติมเต็มใจที่อ่อนล้า กายที่อ่อนเพลีย ให้มีพลังยิ้มรับ
สิ่งใหม่ๆ เสมือนแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ที่สาดแสงส่องลงมาให้โลกที่มืดมนกลับมามีความหวังอีกครั้ง
ก่อนที่พระอาทิตย์จะแผดแสงร้อนแรงในช่วงบ่าย ก็ได้เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติริมน้ำ ซึ่งถือเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ไม้และสัตว์พื้นเมืองที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เริ่มจากเที่ยวชมความงามของสวนดอกไม้ในปางอุ๋ง ที่เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ กล้วยไม้หายากบางชนิด รวมไปถึงพืชสมุนไพรต่างๆ เช่น เอื้องเงินแดง เอื้องพญาไร้ใบ พวงแสด และนางพญาเสือโคร่ง เป็นต้น ในระหว่างทางก็ได้พบกับดาราประจำถิ่นของที่นี่ นั่นก็คือ ฝูงหงส์ดำและ
หงส์ขาวที่กำลังล่องลอยในวารีอย่างสบายอารมณ์ แล้วเคลื่อนตัวมาจิกกินอาหารที่จัดไว้ให้ในบริเวณใกล้ๆ ริมน้ำ โดยไม่ตื่นกลัวผู้คน ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากใครพบเห็นฝูงหงส์นี้ก็จะโชคดี เพราะฝูงหงส์นี้มาจากหงส์ดำและหงส์ขาวพระราชทานจาก
สมเด็จพระราชินีอย่างละหนึ่งคู่ และปางอุ๋งก็ยัง
กว้างใหญ่มาก จึงกลายเป็นเรื่องยากที่จะได้พบเจอ
ฝูงหงส์บ่อยๆ แล้วเมื่อเดินไปไม่ไกลกันนักก็ได้พบกับบ่อเพาะเลี้ยง “เขียดแลว” หรือ “กบทูด” ที่เป็นกบ
ขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย และในปัจจุบัน
ถือเป็นกบหายากชนิดหนึ่งของประเทศ จึงมีการจัดตั้งศูนย์เพาะเลี้ยงกบชนิดนี้ในบริเวณปางอุ๋ง เพื่อเป็น
การอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ประจำถิ่นที่หายาก
ก่อนที่พระอาทิตย์จะแผดแสงร้อนแรงในช่วงบ่าย ก็ได้เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติริมน้ำ ซึ่งถือเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ไม้และสัตว์พื้นเมืองที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เริ่มจากเที่ยวชมความงามของสวนดอกไม้ในปางอุ๋ง ที่เต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับ กล้วยไม้หายากบางชนิด รวมไปถึงพืชสมุนไพรต่างๆ เช่น เอื้องเงินแดง เอื้องพญาไร้ใบ พวงแสด และนางพญาเสือโคร่ง เป็นต้น ในระหว่างทางก็ได้พบกับดาราประจำถิ่นของที่นี่ นั่นก็คือ ฝูงหงส์ดำและ
หงส์ขาวที่กำลังล่องลอยในวารีอย่างสบายอารมณ์ แล้วเคลื่อนตัวมาจิกกินอาหารที่จัดไว้ให้ในบริเวณใกล้ๆ ริมน้ำ โดยไม่ตื่นกลัวผู้คน ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากใครพบเห็นฝูงหงส์นี้ก็จะโชคดี เพราะฝูงหงส์นี้มาจากหงส์ดำและหงส์ขาวพระราชทานจาก
สมเด็จพระราชินีอย่างละหนึ่งคู่ และปางอุ๋งก็ยัง
กว้างใหญ่มาก จึงกลายเป็นเรื่องยากที่จะได้พบเจอ
ฝูงหงส์บ่อยๆ แล้วเมื่อเดินไปไม่ไกลกันนักก็ได้พบกับบ่อเพาะเลี้ยง “เขียดแลว” หรือ “กบทูด” ที่เป็นกบ
ขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย และในปัจจุบัน
ถือเป็นกบหายากชนิดหนึ่งของประเทศ จึงมีการจัดตั้งศูนย์เพาะเลี้ยงกบชนิดนี้ในบริเวณปางอุ๋ง เพื่อเป็น
การอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ประจำถิ่นที่หายาก
เมื่อเวลาจวนจะเย็นย่ำ ก็ได้ก้าวเดินลงไปบริเวณสะพานที่ยื่น
ทอดยาวบนผืนน้ำ ยืนทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเจอ เลือกทิ้งเรื่องร้ายๆ ให้ไหลไปตามสายน้ำ แล้วเก็บตวงเรื่องราวดีๆ ความสุข ความสดใสใน
วันใหม่ให้เต็มหัวใจจนล้นปรี่ เก็บภาพบรรยากาศอันงดงามของปางอุ๋งในยามเย็นไว้ในความทรงจำ เพื่อวันหนึ่งจะได้หวนคิดถึงให้เกิดแรงและพลังในการดำเนินต่อไป
ทอดยาวบนผืนน้ำ ยืนทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบเจอ เลือกทิ้งเรื่องร้ายๆ ให้ไหลไปตามสายน้ำ แล้วเก็บตวงเรื่องราวดีๆ ความสุข ความสดใสใน
วันใหม่ให้เต็มหัวใจจนล้นปรี่ เก็บภาพบรรยากาศอันงดงามของปางอุ๋งในยามเย็นไว้ในความทรงจำ เพื่อวันหนึ่งจะได้หวนคิดถึงให้เกิดแรงและพลังในการดำเนินต่อไป
************************************
เช้าวันใหม่ของวันที่สี่ในการเดินทางท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนก็มาถึง วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปแล้ว ถึงเวลาต้องอำลาแม่ฮ่องสอน แต่ก่อนที่จะต้องจากกัน... ก็ไม่พลาดที่จะไปท้าลมหนาว สูดอากาศสะอาดบริสุทธิ์บนดอยแม่อูคอ ตื่นตา
ตื่นใจกับความงามของดอกบัวตองสีเหลืองสดใส ที่พร้อมใจกันบานสะพรั่งเต็มท้องทุ่ง แผปกคลุ่มเต็มเทือกเขา เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม อันเป็นเทศกาลเที่ยวชมดอกบัวตอง ที่หนึ่งปีจะมีเพียงหนเดียว ซึ่งนับว่าดอยแม่อูคอแห่งนี้มีชื่อเสียงมา
เนิ่นนานในฐานะแหล่งชมดอกบัวตองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จึงไม่ควรพลาดโอกาสนี้ไป
บรรยากาศบนดอยแม่อูคอในช่วงเทศกาลนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของ
นักท่องเที่ยว ที่ต่างสนุกสนานกับการลั่นชัตเตอร์เก็บทัศนียภาพที่งดงาม พร้อมซึบซับบรรยากาศนี้ไว้ในความทรงจำ ซึ่งมีชาวไทยภูเขาหรือชาวพื้นเมืองมาขายของที่ระลึกหรือพืชผักทางการเกษตรมากมาย เด็กน้อยลูกชาวเขาชาวดอยแก้มแดงๆ แต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าได้วิ่งขวักไขว่ไปมา นับเป็นการเติมเต็มบรรยากาศให้ได้สัมผัสกับกลิ่นอายของท้องถิ่นนั้นๆ และช่วยเพิ่มสีสัน เติมชีวิตชีวา ให้ดอยแม่อูคอสดใส ไม่ร้างไร้ความสุข สนุกสนาน นอกจากนี้ในช่วงเวลาอื่นนอกเหนือจากช่วงเทศกาลดังกล่าว ดอยแม่อูคอแห่งนี้ก็ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน ในฐานะ
ที่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกลสุดสายตา และเหมาะสำหรับการเก็บภาพดวงดาวพร่างพราวบนฟากฟ้าในคืนฤดูหนาวที่ฟ้ากระจ่าง ไร้สิ่งใดมาบดบัง จึงนับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งในแม่ฮ่องสอน
ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอยู่เป็นประจำ เพราะไม่เคยผิดหวังที่ได้มาก้าวย่างบนดอยแม่อูคอ
.
.
.
นักท่องเที่ยว ที่ต่างสนุกสนานกับการลั่นชัตเตอร์เก็บทัศนียภาพที่งดงาม พร้อมซึบซับบรรยากาศนี้ไว้ในความทรงจำ ซึ่งมีชาวไทยภูเขาหรือชาวพื้นเมืองมาขายของที่ระลึกหรือพืชผักทางการเกษตรมากมาย เด็กน้อยลูกชาวเขาชาวดอยแก้มแดงๆ แต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าได้วิ่งขวักไขว่ไปมา นับเป็นการเติมเต็มบรรยากาศให้ได้สัมผัสกับกลิ่นอายของท้องถิ่นนั้นๆ และช่วยเพิ่มสีสัน เติมชีวิตชีวา ให้ดอยแม่อูคอสดใส ไม่ร้างไร้ความสุข สนุกสนาน นอกจากนี้ในช่วงเวลาอื่นนอกเหนือจากช่วงเทศกาลดังกล่าว ดอยแม่อูคอแห่งนี้ก็ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสายเช่นกัน ในฐานะ
ที่เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกลสุดสายตา และเหมาะสำหรับการเก็บภาพดวงดาวพร่างพราวบนฟากฟ้าในคืนฤดูหนาวที่ฟ้ากระจ่าง ไร้สิ่งใดมาบดบัง จึงนับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งในแม่ฮ่องสอน
ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอยู่เป็นประจำ เพราะไม่เคยผิดหวังที่ได้มาก้าวย่างบนดอยแม่อูคอ
.
.
.
เชื่อสิว่า... หากคุณได้ไปสัมผัส คุณก็ต้องรู้สึกไม่ต่างกัน เพราะเรื่องราวเหล่านี้คือ
“มนตร์เสน่ห์แห่งแม่ฮ่องสอน” ที่ตราตรึงไว้ในทุกความทรงจำ ...แล้วพบกันใหม่ แม่ฮ่องสอน…
ขอบคุณรูปภาพจาก : www.paiduaykan.com
: http://www.dogthailand.net/forum/forum.php? mod=viewthread&tid=66443
: http://www.poobpubtour.com/2010/02/2- pangung.html
: http://www.dekguide.com