เมื่อสายลมอ่อนๆ เริ่มพัดมาต้องสัมผัสกาย อากาศเริ่มเย็นยะเยือก ย่อมเป็นสัญญาณว่าฤดูหนาวใกล้จะมาเยือนแล้ว ความสนุกในการท่องเที่ยวกำลังจะเริ่มขึ้น ใจคะนึงหาแสงแดดอ่อนๆ เคล้าไอหมอกจางๆ ในยามเช้า เท้าก็ไม่รอช้ารีบจ้ำไปตามที่ใจต้องการ มุ่งหน้าเที่ยวชมความงดงามในพื้นถิ่นภาคเหนือที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แม้จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวแค่ 4 วัน 3 คืน แต่กลับทำให้รู้สึกอิ่มเอม และประทับใจไม่รู้ลืม มันเหมือนเป็นการชาร์จพลังกาย พลังใจ ได้ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ไม่ต้องเร่งรีบ แล้วหันมาใส่ใจในสิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้น นับเป็นทริปที่คุ้มค่าแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง
จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปรียบเสมือนดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ของนักท่องเที่ยว เพราะมีความงดงาม โดดเด่นทั้งด้านภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ตลอดจนความหลากหลายด้านประเพณี วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอากาศบริสุทธิ์ มีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้อันเขียวขจี มีภูเขาสูงสลับซับซ้อน ทำให้อากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีประชากรหลายกลุ่มชาติพันธุ์ และมีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศ ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่นี่จึงเป็นเสมือนพี่น้องกันทั้งจังหวัด คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างอบอุ่น ยึดมั่นในกฎระเบียบ หลักคุณธรรม จริยธรรม จนกลายเป็นเสน่ห์ที่ชวนหลงใหล สมกับคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง”
วันแรกได้เริ่มต้นเดินทางเที่ยวชมตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆ ที่น่ารัก น่าอยู่อาศัย บรรยากาศดี ผู้คนยิ่มแย้มแจ่มใส และทักทายต้อนรับอย่างเป็นมิตร เมื่อกองทัพเดินด้วยท้อง ก็ต้องรองท้องก่อนการเดินทางด้วยกาแฟรสชาติเยี่ยมและเบเกอรี่แสนอร่อย ณ Coffee Moring พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้าสุดชิลล์ พระอาทิตย์สาดแสงทักทายอย่างอ่อนโยน แล้วเพลิดเพลินกับการนั่งมองวิถีผู้คนในยามเช้า อ่านหนังสือเคล้าการจิบกาแฟที่มุมพักผ่อนของร้าน ซึ่งตกแต่งด้วยสไตล์ย้อนยุค ภายในบ้านไม้โบราณ 2 ชั้น โดยชั้นบนยังเปิดเป็นห้องพักให้เช่าอีกด้วย ถือเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
การเข้าบ้านก็ต้องไหว้เจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมาถึงแม่ฮ่องสอน อันดับแรกที่ต้องกระทำนั่นก็คือ การสักการะ เจ้าผู้ครองเมือง ณ อนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชา ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนแรกของแม่ฮ่องสอน “พญาสิงหนาทราชา” เดิมชื่อ “ชานกะเล” มีเชื้อสายเป็นคนไตหรือชาวไทใหญ่ ชาวบ้านเห็นชานกะเลเป็นคนดี มีความสามารถและมีลักษณะเป็นผู้นำ จึงยกย่องให้เป็น นายบ้านกุ๋นยวม ต่อมาบ้านกุ๋นยวมได้ถูกยกขึ้นเป็นเมือง ชานกะเลจึงได้รับการสถาปานาเป็นเจ้าเมืองกุ๋นยวมเป็นคนแรก ชานกะเลปกครองเมืองและสร้างความเจริญรุ่งเรืองเป็นเวลา 8 ปี จวบจนปี พ.ศ. 2417 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน และพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าครองนครเชียงใหม่ ได้ยกบรรดาศักดิ์ชานกะเลเป็นพญาสิงหนาทราชา พร้อมแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก พญาสิงหนาทราชาครองเมืองจนถึงปี พ.ศ. 2427 รวมเวลาได้ 10 ปี ก็ถึงแก่อสัญกรรม สิริอายุรวมได้ 58 ปี จึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้น เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี และเป็นที่เคารพ สักการะแก่ประชาชนทั่วไป
ไม่ไกลกันนั้นยังมีวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอน คือ วัดก้ำก่อ ซึ่งมีความโดดเด่นตั้งแต่ปากทางเข้าวัดที่ตกแต่งด้วยสิงห์ขาว 2 ตัว ยืนขนาบข้างกัน เรียกว่า “ส่างหว่าง” หรือซุ้มประตูทอดยาวไปยังศาลาการเปรียญ ที่ ชายหลังคาถูกประดับประดาด้วยสังกะสีฉลุลาย และภายในประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นที่เก็บรักษาตำราประวัติศาสตร์ที่เขียนด้วยภาษาไต (ไทใหญ่) วัดนี้นับเป็นศูนย์รวมใจชาวแม่ฮ่องสอนมายาวนานกว่า 124 ปี และมีความงดงามด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทใหญ่ จนกล่าวได้ว่ามีความล้ำค่าทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม
ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ก็รีบตรงดิ่งไปเช็กอินที่แลนด์มาร์กอีกจุดหนึ่งของจังหวัดนี้นั่นก็คือ พระธาตุดอยกองมู (กองมู ในภาษาไทใหญ่ หมายถึง พระเจดีย์) เดิมมีชื่อว่า วัดปลายดอย เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งประกอบด้วยวิหารพระศิลปะไทใหญ่ และ พระธาตุเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ 2 องค์ ซึ่งภายในบรรจุพระธาตุของ พระโมคคัลลานะเถระ ที่ได้อัญเชิญมาจากประเทศพม่า โดยเจดีย์องค์ใหญ่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2403 โดย “จองต่องสู่” ประดับลวดลายปูนปั้น มีฐาน แปดเหลี่ยมซ้อนสามชั้น บริเวณฐานด้านล่างประดับด้วยซุ้มพระตามทิศทั้งแปด ส่วนเจดีย์องค์เล็กนั้น สร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย “พญาสิงหนาทราชา” เจ้าผู้ครองเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสซ้อนสามชั้น ตรงมุมทั้งสี่ของฐานมีปูนปั้นรูปสิงห์ประดับอยู่ และบริเวณด้านล่างประดับด้วยซุ้มพระแบบศิลปะมอญ ซึ่งเมื่อมาเยือนวัดนี้นอกจากจะได้กราบพระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้ว ยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมควบคู่กันไป พร้อมทั้งสามารถชมความงดงามของสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอน และวิวทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจน
และเมื่อเดินไปลานจอดรถทางด้านทิศตะวันตกของพระธาตุดอยกองมู ก็จะได้สัมผัสกลิ่นอายของธรรมชาติเขียวขจีเคล้ากับกลิ่นอบอวลชวนลิ้มลองของกาแฟสูตรพิเศษ ณ Before Sunset Coffee (ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา) ที่เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวมาตื่นตาตื่นใจกับความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์สร้างขึ้นดั่งภาพวาด ได้ทอดมองเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนทอดเงากันเป็นทิวแถว พร้อมกับที่พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนคล้อยลงสู่ดินสาดแสงรวยรินอำลาลับขอบฟ้าไปตรงบริเวณเหลี่ยมเขา แล้วลมหนาวก็พัดผ่านมาหยอกเหย้าสัมผัสกาย แต่ถ้าเช้าวันใหม่ มาถึง...พื้นที่เดียวกันนี้ก็จะถูกปกคลุมด้วยทะเลหมอกหนาตา ช่างเป็นภาพประทับใจที่ใครๆ ก็ต่างหลงใหลในความงามตาที่หาชมได้ยาก นับว่าระเบียงชมวิวของร้านนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเคยเป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์เรื่อง “The Melody รักทำนองนี้” อีกด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
หลังจากที่พระอาทิตย์ลาลับไป ความมืดก็แผ่ขยายทั่วทั้งบริเวณ แล้วแสงไฟระยิบระยับก็ส่องสว่างจากบ้านเรือนและหลอดไฟที่ถูกประดับไว้รอบองค์พระธาตุ จึงทำให้ทุกสิ่งเฉิดฉายขึ้นได้ในยามค่ำคืน กลายเป็นความงามตาที่น่าค้นหาไม่แพ้ในช่วงตอนกลางวัน ดังนั้นก็ไม่รอช้า รีบตรงดิ่งไปยัง ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน ที่ตั้งอยู่ใกล้วัดจองคำ - จองกลาง แม้จะเป็นถนนคนเดินสายเล็กๆ สั้นๆ แต่กลับคึกคักและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมพื้นถิ่น เพราะชาวบ้านได้นำสินค้าพื้นบ้านมาจัดจำหน่ายในราคาย่อมเยา ทั้งอาหาร ทั้งสินค้า ของที่ระลึกต่างๆ เช่น ผ้าทอแบบล้านนา ตุ๊กตาชนเผ่า งานไม้จากพม่า เป็นต้น ซึ่งบรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างกันเอง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู พร้อมทั้งยังเคลิบเคลิ้มไปกับวิวทิวทัศน์ของวัดจองคำ - จองกลาง ที่ประดับประดาด้วยแสงไฟหลายหลากสะท้อนกับผิวน้ำในยามค่ำคืน จึงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนมีเอกลักษณ์ และแตกต่างจากถนนคนเดินทั่วๆ ไป
เมื่ออิ่มหนำสำราญจากการเลือกซื้อเลือกหาสินค้าพื้นบ้านอาหารพื้นเมืองแล้ว ก็ได้เข้าไปสักการะขอพร ปล่อยโคม ชมความงาม ณ วัดจองคำ - จองกลาง ซึ่งวัดจองคำแห่งนี้โดดเด่นด้วยหลังคาวัดรูปทรงปราสาท 9 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่สุดในแม่ฮ่องสอน พระศรีศากยมุนีจำลอง และพระเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญที่มียอดฉัตรประดับงานปูนปั้นฉาบสีทองอร่ามตา อีกทั้งยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถหลังคาทรงเจดีย์ 5 ยอด ที่ละเอียดสวยงามน่าชม
ส่วนวัดจองกลาง ตั้งอยู่ภายในรั้วเดียวกันกับวัดจองคำ ภายในวิหารมีแท่นบูชาพระพุทธสิหิงค์จำลอง ที่ปิดทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ และอุดมไปด้วยงานศิลปะอันทรงคุณค่า ได้แก่ ตุ๊กตาไม้แกะสลักเรื่องพระเวสสันดรชาดกจากประเทศพม่า ที่นำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 กระจกเขียนสี ตลอดจนภาพแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้นโดยฝีมือช่างชาวไทใหญ่ และองค์พระอินทร์สานจากหวาย
ส่วนวัดจองกลาง ตั้งอยู่ภายในรั้วเดียวกันกับวัดจองคำ ภายในวิหารมีแท่นบูชาพระพุทธสิหิงค์จำลอง ที่ปิดทองเหลืองอร่ามไปทั้งองค์ และอุดมไปด้วยงานศิลปะอันทรงคุณค่า ได้แก่ ตุ๊กตาไม้แกะสลักเรื่องพระเวสสันดรชาดกจากประเทศพม่า ที่นำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 กระจกเขียนสี ตลอดจนภาพแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้นโดยฝีมือช่างชาวไทใหญ่ และองค์พระอินทร์สานจากหวาย
วันนี้ก่อนที่จะหลับใหลไปในนินทรา ก็นับได้ว่า บันทึกความทรงจำดีๆ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนไว้เต็มหัวใจ นอกจากจะอิ่มบุญ อิ่มอกอิ่มใจแล้ว ยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ดื่มด่ำกับความงดงามที่หาดูได้ยาก หากคุณไม่ลองก้าวออกมาจากวิถีเดิมๆ แล้วเพิ่มกำไรชีวิตให้กับตนเอง
*** โปรดติดตาม มนตร์เสน่ห์ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่คุณต้องร้อง WOW WOW WOW!!! ต่อได้ในภายหลัง***